Feel the fear and do it anyway!

เคยรู้สีกกันบ้างไหมคะว่าทำงานมาก็มาก ทั้งทุ่มเท อดทน มุ่งมั่น สร้างสรรค์ แต่ทำไมประเมินผลออกมาไม่ดีเลย

ประสบการณ์การทำงานก็มากกว่า เงินเดือนก็สูงกว่า แต่ทำไมรุ่นน้องแซงล้ำข้ามมาเป็นหัวหน้าได้ …

อะไรคือประเด็นหลักที่ทำให้งานที่ทั้งทำทั้งทุ่มเทไม่เคยอยู่ในสายตาผู้บริหารเลย

เคยมีใครรู้บ้างว่าความกลัวที่มีติดตัวเราเป็นปัจจัยส่งผลต่อพฤติกรรม บุคลิกภาพ และความเชื่อที่ฉุดรั้งเรามิให้ผลงานออกมาอย่างสร้างสรรค์

วันนี้จะขอกล่าวถึงความกลัวที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีติดตัวกันมาช้านานถ้วนทั่วทุกตัวคนซึ่งน้อยคนนักจะพอบอกได้ว่ารูปแบบผลงานกับแรงฉุดอันมาจากความกลัวเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกัน

ความกลัวเป็นเรื่องธรรมชาติ  ความกลัวเป็นกลไกที่สามารถควบคุมความเป็นระเบียบวินัย และในขณะเดียวกันก็ยังอาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งไม่ให้บรรลุผลสำเร็จได้

ความกลัวในตัวเราเป็น Universal Fear มี 3 ลักษณะ

ประเภทที่ 1 “กลัวไม่ดีพอ” เพื่อนร่วมงานกลุ่มนี้จะกลัวในเรื่องความถูกต้อง  กลัวผิดชอบถูก  จึงมุ่งเน้นเรื่องหลักวิชา มีความพิถีพิถันในงาน ความสมบูรณ์แบบ จึงมุ่งเน้นแก้ไข  คลาดเคลื่อนต่อเวลาจนช้าไม่ทันการณ์

ประเภทที่ 2 “กลัวคนไม่รัก” ประเภทนี้เป็นเพื่อนร่วมงานกลุ่มตามใจเพื่อนใครนึกอะไรไม่ออกให้บอกมา   จะรับปากรับคำทำให้ตลอด ยอมเสียเปรียบแล้วก็มานั่งทุกข์ใจว่าทำไม่ได้ ชอบสรรเสริญเยินยอพูดเกินความจริง  ไม่คัดค้านว่าอะไรว่าตามกัน เอาอกเอาใจทุกคนอย่างทุ่มเท งานขาดประสิทธิภาพเพราะไม่ตรงตามเป้าประสงค์

ประเภทที่ 3  “กลัวไม่เข้าพวก” เป็นประเภททำตามกลุ่ม ตามสมัยนิยม ตามเสียงผลประโยชน์ ไม่ออกความเห็นก่อน  ไม่สร้างสรรค์  ไม่กล้าตัดสินใจถ้าไม่มีเพื่อน เน้นกลุ่มมากกว่างานและความถูกต้อง ส่งผลให้งานขาดความถูกต้องในหลักการและถูกมองว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง

การมีความกลัวมากเกินไปจะทำให้เกิดความไม่กล้าแสดงออกไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเห็นในที่ประชุม  การรักษาเวลา การตรงต่อเวลา การแสดงความเห็นอย่างจริงใจ การรับผิดชอบ ฯลฯ ทำให้สูญเสียบุคลิกภาพก่อให้เกิดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ขาดความเป็นผู้นำ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ผลงานไม่ประจักษ์ ขาดความสุขในการทำงาน

ทั้งนี้ทั้งปวงหากเราปรับเปลี่ยนด้วยการตระหนักรู้ตัวตน (Awareness) ยืดหยุ่น ยิ้มสู้ และกล้าเผชิญในเหตุการณ์ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กล้าปรับเปลี่ยน ความกลัวก็จะมลายหายไปเป็นแรงสนับสนุนให้ผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนได้

ฟังดูไม่ยากเลย และหากต้องการเส้นทางลัดสู่ความสำเร็จ ก็อาจเชิญชวนใครบางคนเป็นโค้ชคู่คิดไปด้วยกัน เดินทางค้นหาแนวคิดคู่กันไปนะคะ


โค้ชอภิตา ชิตะปัญญา

อดีตผู้บริหาร ทีมบริหารผลงาน ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่มา: 3 Universal Fears by Anthony Robbins

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *